มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) จัดโครงการค่ายพนักงานใหม่เพื่อเสริมสร้างค่านิยมองค์กรและเตรียมความพร้อมสู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของอาเซียนที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยมีพนักงานใหม่ทั้งสายวิชาการและสายปฏิบัติการเข้าร่วมกิจกรรมระหว่างวันที่ 6-7 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
.
ในวันแรกของกิจกรรม ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.วันชัย ศิริชนะ นายกสภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มัชฌิมา นราดิศร อธิการบดีมหาวิทยาลัย และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาณุพงษ์ ใจวุฒิ รองอธิการบดี พร้อมด้วยบุคลากรจากหน่วยงานต่างๆ เช่น ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธร และอาจารย์จากสำนักวิชาจีนวิทยา ร่วมกิจกรรมต้อนรับนี้และบรรยายในหัวข้อสำคัญต่างๆ
.
พนักงานใหม่ได้รับการถ่ายทอดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับความเป็นมาของมหาวิทยาลัย วิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยมองค์กร วัฒนธรรมองค์กร และทิศทางการพัฒนามหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพนักงานใหม่ด้วยกัน
.
กิจกรรมยังช่วยสร้างความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ กฎระเบียบที่ควรรู้ สิทธิสวัสดิการต่างๆ และการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความเป็นเลิศตามวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยต่อไป โดยโครงการจัดกิจกรรมเพื่อเรียนรู้ที่หลากหลาย ทั้งการบรรยาย การเวิร์คชอป รวมถึงกิจกรรมเยี่ยมชมสถานที่สำคัญของมหาวิทยาลัย
.
สำหรับการบรรยายหัวข้อ "รู้อดีต รู้ปัจจุบัน คาดการณ์อนาคต" โดยศาสตราจารย์พิเศษ ดร.วันชัย ศิริชนะ นายกสภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ในช่วงการกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมว่า ช่วงเวลาเริ่มต้นนี้ แม้ว่าแต่ละคนมีความรู้พื้นฐานตามคุณสมบัติที่รับเข้าทำงาน แต่ยังมีหลายเรื่องที่ต้องเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่หรือผู้คน โดยเฉพาะวิธีการทำงานยังต้องใช้เวลาเรียนรู้และต้องอาศัยหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานช่วยแนะนำช่วยตอบข้อสงสัย
.
นายกสภาฯ แบ่งปันประสบการณ์การทำงานในช่วงเริ่มต้นของตนเองว่า "เมื่อเริ่มทำงานได้ทำงานท่ามกลางอาจารย์ที่เก่งๆ ได้ทำงานเก็บเกี่ยวความรู้ เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำงานอะไรก็ทำตามนั้น คิดแต่ว่าการทำงานคือโอกาสทองในการได้เรียนรู้ ทุกครั้งที่ทำงานนั้นเป็นประสบการณ์ อยากให้มองในแง่บวก ไม่อยากให้มองว่าให้ทำงานคือถูกเอาเปรียบ มหาวิทยาลัยโตเราคนทำงานก็โตไปด้วยกันเจริญไปด้วยกัน"
.
นายกสภาฯ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของ "สปิริต" คือจิตสำนึกในการร่วมมือกันทำงานให้หน่วยงานของตนเองมีประสิทธิภาพ เมื่อหลายหน่วยงานรวมกันเป็นมัดใหญ่ก็จะทำให้มหาวิทยาลัยมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
.
"อย่าคิดว่าเราไม่สำคัญ คนคนเดียวก็มีความสำคัญ ถ้าไม่สำคัญคงไม่รับเข้ามาทำงาน แต่ละคนกำลังทำงานรับผิดชอบให้มหาวิทยาลัยเติบโต ผลกระทบคือมหาวิทยาลัยเติบโต ก็สอนคนให้เก่งได้มากขึ้น ผลิตงานวิชาการได้มากขึ้น แก้ปัญหาสังคมได้มากขึ้น สร้างความสุขสบายให้กับสังคมได้มากขึ้น มหาวิทยาลัยโตขึ้นเราคนทำงานก็โตขึ้นด้วย" นายกสภาฯ กล่าว
.
นอกจากนี้ยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองว่า "เมื่อทำงานแล้วรู้ว่าตัวเองอ่อนตรงไหนก็ให้ปรับ ภาษาไม่ดีก็ขวนขวายเรียนเพิ่มเติม ไม่เก่งตรงไหนก็เรียนรู้เพิ่มเติมฝึกฝนให้เข้มแข็งขึ้น เราจะสำคัญ อย่างหนึ่งเราต้องมีฝีมือ ขยัน มีน้ำใจ ความเจริญก้าวหน้าก็ตามมา" สำหรับเรื่องความท้อแท้ นายกสภาฯ ว่า "ความท้อแท้อยู่กับคนทุกคน ถ้าท้อแท้แล้วเลิกคือแพ้ แต่ถ้าท้อแท้แล้วสู้หาทางแก้ไข จึงจะมีโอกาสได้บรรลุเป้าหมาย"